เค้าโครงงาน










เรื่อง สื่อเพื่อการศึกษาภาษาจีน

1.นางสาวธนัชชา   กันทามูล      ม.6/5   เลขที่ 19
2.นางสาววิภาวรรณ ตุรงค์เรือง  ม.6/5   เลขที่ 24
3.นางสาวกัญญา  รักขาว            ม.6/5   เลขที่ 43


โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โรงเรียนวัดป่าประดู่  อ.เมือง  จ.ระยอง
ปีการศึกษา 2556

ลิขสิทธิ์โรงเรียนวัดป่าประดู่
ใบรับรองโครงงาน
โรงเรียนวัดป่าประดู่


เรื่อง  สื่อเพื่อการศึกษาภาษาจีน
โดย        1.นางสาวธนัชชา   กันทามูล      ม.6/5   เลขที่ 19
                2.นางสาววิภาวรรณ ตุรงค์เรือง  ม.6/5   เลขที่ 24
             3.นางสาวกัญญา  รักขาว            ม.6/5   เลขที่ 43

ได้รับอนุมัติให้นับเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5

..........................................ครูที่ปรึกษาโครงงาน
(        ดรุณี    บุญวงค์      )


วันที่............... เดือน...................................พ.…………  







เรื่อง สื่อเพื่อการศึกษาภาษาจีน




1.นางสาวธนัชชา   กันทามูล      ม.6/5   เลขที่ 19
2.นางสาววิภาวรรณ ตุรงค์เรือง  ม.6/5   เลขที่ 24
3.นางสาวกัญญา  รักขาว            ม.6/5   เลขที่ 43






โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โรงเรียนวัดป่าประดู่  อ.เมือง  จ.ระยอง
ปีการศึกษา 2556


บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาของโครงงาน               
ในภาวะปัจจุบันที่อิทธิพลของโลกาภิวัฒน์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และยังจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นั้นการเรียนรู้ภาษาของประเทศอื่นย่อมได้เปรียบในการทำกิจการต่างๆ เพราะคงไม่มีใครจะติดต่อสื่อสารและรู้เรื่องได้ดีเท่ากับการพูดภาษาเดียวกัน               แน่นอนว่าประเทศที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นย่อมทราบดีว่า คนจะเรียนรู้ภาษาให้ซาบซึ้งสามารถใช้ภาษาเข้าสู่สังคมและวัฒนธรรม สามารถใช้ภาษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสังคมวัฒนธรรมตามสถานการณ์ได้ในทุกทักษะของภาษา และนอกจากนี้ภาษาจีนก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยมากขึ้นพอๆกับภาษาจีน ผู้จัดทำจึงคิดที่จะเสนอวีดิโอสื่อการเรียนการสอนภาษาจีนให้แก่เด็กเยาวชนรุ่นใหม่ ๆ เพื่อปูพื้นฐานก่อน ถ้าหากมองถึงความสำคัญของภาษาจีนกลางแล้วนั้น  ภาษาจีนกลางเป็นภาษาที่สำคัญของทวีปเอเชียมาช้านาน เนื่องจากประเทศจีนเป็นแหล่งอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่หนึ่งในสองของทวีป ดังนั้นการบันทึกความรู้และวิทยาการต่างๆจึงเป็นภาษาจีน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านปรัชญา ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ต่างๆ ทั้งขนาดของประเทศ จำนวนประชากร การเมือง การปกครอง และเศรษฐกิจที่มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ภาษาจีนกลางเป็นภาษาหนึ่งของเอเชียที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติ ยิ่งเพิ่มความสำคัญให้กับภาษาจีนกลางเป็นอย่างมาก การที่คนต่างประเทศอย่างเช่นคนไทยมีโอกาสที่จะศึกษาภาษาจีนกลางแล้วนั้น ย่อมถือว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่สามารถใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารทั่วไปแล้ว เราสามารถใช้ภาษาเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆทั้งในระดับบุคคล และระดับประเทศ เช่น การศึกษาความรู้วิทยาการ การประกอบธุรกิจการลงทุน และการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ   
        ดังนั้นกลุ่มของพวกเราจึงได้จัดทำโครงงานชื่อเรื่องว่า  สื่อเพื่อการศึกษาภาษาจีนขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมภาษาต่างประเทศให้มากขึ้น ให้ผู้ที่ศึกษาเข้าใจในเนื้อหา เพื่อสนับสนุนให้ผู้เรียนตระหนักถึงความสำคัญของภาษาจีนและเพิ่มการปลูกฝังภาษาจีนให้แก่เด็กรุ่นใหม่ให้มีทักษะภาษาที่ดียิ่งๆขึ้น

2. วัตถุประสงค์ของโครงงาน
2.1 เพื่อเป็นสื่อให้ความรู้แก่ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับภาษาจีน
2.2 เพื่อเป็นการส่งเสริมภาษาต่างประเทศให้มากขึ้น


3. ขอบเขตของโครงงาน
สร้างสื่อวีดีทัศน์ เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับภาษาจีน โดยใช้โปรแกรม Final cut pro ในการตัดต่อวีดีทัศน์ โปรแกรมMotion5 ใช้สร้าง Effect และโปรแกรม Adobe sound booth cs5 ในการบันทึกเสียง และใช้กล้องในการถ่ายทำวีดิโอ
4. ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
                1.  ผู้ที่สนใจมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับภาษาจีน
2. ผู้ที่สนใจสามารถนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

















บทที่ 2
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาเรื่อง สื่อเพื่อการศึกษาภาษาจีน ผู้จัดทำโครงการได้รวบรวมแนวคิดทฤษฎีและหลักการต่างๆจากเอกสารที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
หลักการของภาษาจีน       
1. ตัวอักษรและคํา
1.1 ตัวอักษร
ตัวอักษรเป็นหน่วยสื่อความคิดหรือหน่วยทีเป็นสัญลักษณ์ของความคิดเพื่อสื่อความหมายในภาษา ส่วนใหญ่จะมีความหมายเป็นเอกเทศ เช่น คน ม้า ไป ใหญ่ เล็ก ดํา ขาว เป็นต้น
1.2 คํา
คําเป็นหน่วยของภาษาที่มีความหมายอาจเป็นตัวอักษรตัวเดียวหรือมากกว่าก็ได้เช่น ตัวอักษรตัวเดียวหรือที่เรียกกันว่าคํามูล  : หนังสือ โต๊ะ ตา ฯลฯ ตัวอักษรมากกวาตัวเดียวหรือที่เรียกกันว่าคําประสม  :ดวงตา กล้วยหอม หนูน้อยฯลฯ
1.3 ความแตกต่างของตัวอักษรกับคํา
ความแตกต่างของตัวอักษรกับคําคือ ตัวอักษรเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความคิดทั่ว ๆ ไป เป็นชื่อเรียกตัวหนังสือ ไม่สามารถแทนคําในหลักภาษาได้หมด ตัวอยางเช่น ขงจื้อ เป็น ประเทศจีน โบราณ ของ ผู้ยิงใหญ่ นักการศึกษาในประโยคนี้ ถ้านับตามตัวอักษรจีนมีจํานวนทั้งหมดสิบสามตัว แต่ถ้านับเป็นคําแล้วมีเพียงเจ็ดคําเท่านั้นเอง เนื่องจากคําแต่ละคําแสดงถึงความคิดที่สมบูรณ์จะแยกตัวอักษรออกจากกันไม่ได้ เช่น ถ้าแบ่งคําว่า  ขงจื้อแยกออกจากกนเป็นสองคําแล้ว ความหมายเดิมหรือความหมายที่เราต้องการนั้นก็จะสูญหายไป บางครั้งตัวอักษรตัวเดียวกันจะจัดเป็นคําได้เหมือนกัน เช่น ภูเขา น้ำไม้ หิน ฯลฯ แต่บางครั้งจะต้องเอาตัวอักษรสองตัวขึ้นไป มาประสมกนจึงจะสามารถจัดเป็นคําได้ เช่น อุบัติเหตุ หนึ่งชั่วโมง แม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ ตามหลักภาษาจีนเราจะยึดคําเป็นหน่วยหรือเป็นหลักในการแบ่งชนิดของคําต่างๆ ไม่วาจะ
เป็นตัวอักษรตัวเดียวหรือหลายตัวก็ตาม ถ้าสามารถแสดงความหมายที่เราต้องการพูดหรือคิดได้ แล้วก็จะเรียกว่า  คํา

2. วลีและประโยค
2.1 วลี
วลีคือกลุ่มคําที่เป็นส่วนหนึ่งของประโยค เช่น
2.1.1 ชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย
วลีนี้ รวมมาจากตัวอักษรจีนห้าตัว ประกอบด้วยคําสามคํา คือประเทศไทย ของ ชาวจีนโพ้นทะเล
2.1.2 นักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคําแหง
วลีนี้รวมมาจากตัวอักษรแปดตัว ประกอบด้วยคําสี่คํา คือรามคําแหง มหาวิทยาลัย ของ นักศึกษา
2.2 ประโยค
ประโยคคือกลุ่มคําที่สามารถแสดงความหมายที่สมบูรณ์ คําแต่ละคําเพียงแต่แสดงถึงความคิด
อันหนึ่งเท่านั้นไม่สามารถที่จะแสดงถึงความหมายที่ สมบูรณ์ได้ ขณะที่เราสนทนากันถ้าพูดเป็น
คํา ๆ ความหมายที่เราต้องการสื่อความหมายซึ่งเป็นความคิดจากใจออกมา ดังนั้น จึงมีความจําเป็นที่จะต้องเอาคําต่าง ๆ มารวมกันเป็นประโยค เช่น    ม้าตัวหนึ่งหนีไปแล้ว วลีสองวลีดังกล่าวยังนับเป็นประโยคไม่ได้ เพราะเรายังไม่ทราบว่าม้าทําอะไรหรือเป็น อย่างไร หรือใครหนีไปแล้ว ถ้ารวมสองวลีนี้เข้าด้วยกันเป็น  ม้าตัวหนึ่งหนีไปแล้วความหมายก็จะสมบูรณ์ วิธีการรวมคําหรือวลีเข้าด้วยกนเพื่อแสดงความหมายที่สมบูรณ์ เราเรียกว่า  การสร้างประโยค
3. ภาคประธานและภาคแสดง
3.1 ภาคประธาน
การที่จะทําให้เกิดความคิดนั้น จะต้องมีปัจจัยเป็นแรงผลักดัน ปัจจัยอันนี้
จึงเป็นสาเหตุของความคิด ซึ่งอาจหมายถึงคน เรื่องราวหรือสิ่งของ คําที่ทําหน้าที่เป็นสาเหตุของความคิดนั้น  เรียกวา  ภาคประธาน
3.2 ภาคแสดง
เมื่อมีปัจจัยให้เกิดภาคประธานหรือผู้กระทําแล้ว แน่นอนที่สุดจะต้องมีคําถามว่า  เกิดขึ้น
ได้อย่างไร คําตอบที่ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรนี่  จะอธิบายถึงการเคลื่อนไหว การเปลี่ยนแปลงลักษณะ
และคุณสมบัติของภาคประธาน ทําให้ความคิดที่อยู่นิ่งนั้นกลายเป็นความคิดที่เคลื่อนไหว คําหรือ
วลีที่ใช้อธิบายปัจจัยวาเกิดขึ้นได้อยางไรนี้ เรียกว่า  ภาคแสดง
ภาคประธานและภาคแสดงเป็นส่วนประกอบที่สําคัญของประโยคในภาษาและประโยคที่
มีภาคประธาน และภาคแสดงจึงจะนับวาเป็นประโยคที่สมบูรณ์ เช่น

ภาคประธาน
ภาคแสดง
เด็กคนนั้น
ร้องไห้แล้ว
ม้า
กินหญ้า
กรุงเทพฯ
เป็นเมืองที่สวยงาม
ดวงจันทร์
เหมือนกับลูก


ประโยคที่ประกอบด้วยภาคประธานและภาคแสดง เรียกว่า  เอกรรถประโยคท้าย
ประโยคต้องใส่เครื่องหมาย ๐
4. คําพื้นฐานของประโยค
คําที่เป็นคําพื้นฐานของประโยคประกอบด้วย คํานาม คําสรรพนามและคํากริยา
4.1 คํานาม
คํานามคือคําที่ใช้เรียกชื่อคน สัตว์ และสิ่งของให้หาภาคประธานของประโยคต่อไปนี้
-หลี่ไป๋ เป็นกวีผู้ยิงใหญ่
-แม่น้ำแยงซีเกียงมีต้นกาเนิดอยู่ที่ชิงไห่
-ม้า วัว แพะ สุนัข หมู ล้วนเป็นสัตว์เลี้ยง
-กระดาษ หมึก ปากกา จานหมึกล้วนเป็นเครื่องเขียน
ภาคประธานของประโยคดังกล่าวคือ หลี่ไป๋”, “แม่น้ำแยงซีเกียง”, “ม้า วัว แพะ สุนัข
หมู”, “กระดาษ หมึก ปากกา จานหมึกล้วนเป็นคํานาม นอกจากนี้แล้ว
ยังมีคํานามที่ไม่ได้ทําหน้าที่เป็นประธาน เช่น กวี”, “ต้นกำเนิด  ”, “สัตว์เลี้ยง”, “เครื่องเขียน
ตัวอย่าง คํานาม
ขงจื้อ ซุนยัดเซ็น ประเทศไทย ภูเขาเทียนซาน คน สัตว์ หนังสือ เสื้อผ้า โลก สังคม
เรื่องราว ศิลปการวาดภาพ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว หมู่คณะ วงศ์ตระกูล
กฎหมาย ศาสนา จิตใจ ฯลฯ
4.2 คําสรรพนาม
คําสรรพนามคือคําที่ใช้แทนคํานามตัวอย่างประโยคต่อไปนี้
มีคํานามที่ใช้ซ้ำอยู่หลายคํา อ่านแล้วทําให้คนรู้สึกน่าเบื่อหน่าย
เราควรใช้คําอะไรแทนคําเหล่านี้
คุณจางกับพี่ชายของ คุณจางไปโรงเรียนด้วยกัน โรงเรียนของคุณจางและพี่ชายของคุณ
จางอยูห่างไกลจากบ้านของคุณจางและพี่ชายของคุณจางมาก แต่คุณจางและพี่ชายของคุณจางเดิน
ไปและเดินกลับเสมอ
ใช้คําสรรพนามแทนคํานามที่ได้กล่าวซ้ำในข้อความข้างต้นดังนี้
คุณจางกบพี่ชายของเขาไปโรงเรียนด้วยกัน โรงเรียนของพวกเขาอยูห่างไกลจากบ้าน
ของพวกเขามาก แต่พวกเขาเดินทางไปกลับเสมอ
ในบรรดาคําต่าง ๆ เช่น เขา พวกเขา ฉัน พวกเรา ฯลฯ ที่นํามาใช้แทนคํานามเพื่อหลีกเลี่ยง
การใช้คํานามซ้ำๆ ซากๆในประโยค คําเหล่านี้เรียกว่า คําสรรพนาม
ตัวอย่าง คําสรรพนาม
ฉัน คุณ คุณ (ท่าน) เขา (ผู้ชาย) เขา (ผู้หญิง) มัน พวกเรา พวกคุณ (ท่านในภาษาจีนเป็นคํา
สุภาพที่ใช้กับบุรุษที่สอง ถ้าบุรุษที่สองมากกว่าหนึ่งคน เราจะใช้คําว่า ท่านทั้งสองหรือท่าน
ทั้งหลาย จะไม่พูดว่าพวกท่าน) เขาทั้งหลาย (ใช้กับผู้ชายหรือทั้งผู้ชายและผู้หญิง)
เขาทั้งหลาย (ใช้สําหรับผู้หญิง) พวกมัน ใคร อะไร นี่ นั้นฯลฯ

4.3 คํากริยา
คํากริยาคือคําที่แสดงถึงกริยาอาการของภาคประธาน เช่น
ลมพัดนกร้อง น้ำไหล เมฆกระจาย ดอกไม้ร่วง ก้อนหินโผล่ออกมา
คําว่า พัด ร้อง ไหล กระจาย ร่วง โผล่ออกมาเป็นคําแสดงถึงกริยาอาการการเคลื่อนไหว
ของคํานามซึ้งทําหน้าที่เป็นประธาน เป็นการแสดงถึงความคิดที่เคลื่อนไหว ในหลักภาษาจึงเรียกคํา
เหล่านี้ว่า คํากริยา

ตัวอย่าง คํากริยา
เขียน ทํา หยิบ สร้าง ฟัง ดู ทราบ ส่ง ถาม อนุญาต เชิญ เปลี่ยน แบ่ง รวม หวัง แค้น ดีใจ มี
ซื้อ ขาย บิน เดิน มา ไป นั่ง ยืน สําเร็จ ปรากฏ ร้องไห้ หัวเราะ อยู่ ฯลฯ















บทที่ 3
อุปกรณ์และวิธีการดาเนินการ
การจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ สื่อเพื่อการศึกษาอาเซียน คณะผู้จัดทาโครงงานมีวิธีการดาเนินงานโครงงาน ตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

3.1 ขั้นตอนการดาเนินการ
1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนำเสนออาจารย์ที่ปรึกษา
2. ศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูล ที่เกี่ยวข้องกับโครงงานในการสร้างสื่อวีดีทัศน์
3. ศึกษาโปรแกรม Windows Movie Maker  ในการสร้าง
4. จัดทาโครงร่างโครงงานเสนออาจารย์ที่ปรึกษา
5. ออกแบบสื่อวีดีทัศน์
6. จัดทาโครงงานสร้าง สื่อวีดีทัศน์ เรื่อง สื่อเพื่อการศึกษาอาเซียน
7. เผยแพร่ผลงานโดยการนาเสนอผ่านสื่อวีดีทัศน์
8. ทำเอกสารสรุปรายงานโครงงาน

3.2 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ศึกษา เรื่อง สื่อเพื่อการศึกษาภาษาจีน
2. ศึกษา เรื่อง การทางานของตัวโปรแกรมต่างๆ ได้แก่
- โปรแกรม windows movie maker  

3.3 วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนาโครงงาน
1. เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2. ซอฟต์แวร์
- โปรแกรม windows movie maker  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น